การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนเป็นสาเหตุที่ทำให้ภาษาจีนกลายเป็นภาษาที่มีความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีคนพูดมากที่สุดในโลก
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดเสียง
วิพากษ์วิจารณ์ภายในแคว้นสินธุ์ของปากีสถาน
หลังจากที่ทางการได้ประกาศว่าตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นไป
จะกำหนดให้ภาษาจีนกลายเป็นหนึ่งในวิชาบังคับที่นักเรียนตั้งแต่เกรดหกเป็น
ต้นไปจะต้องเรียน โดยที่มีคนกลุ่มหนึ่งต่อต้านว่าการกำหนดหลักสูตรแบบนี้
จะส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมของปากีสถาน
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็มองว่าเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผล
เนื่องจากประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกนั้นอยู่ใกล้กับสินธุ์เพียงแค่
เอื้อมเท่านั้น
ว่าแต่ว่าแล้วเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกัน
อย่างไรกับคนที่อาศัยอยู่ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก คำตอบก็คือ
การที่ทางการปากีสถานมีนโยบายนี้ออกมา
ยิ่งเป็นการตอกย้ำความสำคัญของภาษาจีน
และความจริงที่ว่าภาษาจีนเป็นภาษาที่มีการใช้กันอย่างกว้างขวาง
และมีจำนวนคนพูดภาษานี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั่นเอง
โดยที่ทั่วโลกมีประชากรที่พูดภาษาจีนกลางมากกว่า 1,372 ล้านคน
ทำให้ภาษาจีนกลายเป็นภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดในโลก นำหน้าภาษาอังกฤษ
ที่มีคนพูด 1,302 ล้านคน
นอกจากนี้ภาษาจีนก็ยังกลายเป็นภาษาแห่งโลกอินเทอร์เน็ตไปแล้วเช่นกัน
Internet World Stats ระบุว่า ภายในสิ้นปี
2010 จะมีคนใช้ภาษาจีนบนอินเทอร์เน็ตราว 444.9 ล้านคน
ซึ่งเป็นรองแค่เพียงเว็บไซต์ที่เป็นชุมชนของคนใช้ภาษาอังกฤษกว่า 536.6
ล้านคนเท่านั้น และทั้งสองภาษา คือ จีนและอังกฤษ นี้
ก็เป็นภาษาที่นำหน้าภาษาอื่นๆ ที่ติดอยู่ใน 5 อันดับแรกของโลกไปไกล โดยอีก 3
ภาษาที่เหลือก็คือภาษาสเปน (153.3 ล้านคน) ภาษาญี่ปุ่น (99.1 ล้านคน)
และภาษาโปรตุเกส (82.5 ล้านคน)
ตัวเลขรวมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่ใช้ภาษา
จีนนั้นได้เพิ่มขึ้นสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยอัตรา 1,478.7 เปอร์เซ็นต์
ภายในระยะเวลาเพียง 11 ปีเท่านั้น
สาเหตุหลักที่โลกเรากำลังหันไปหาภาษาจีนกัน
มากกว่าเดิมภายในเวลาอันรวดเร็วนั้นก็เกิดมาจากเศรษฐกิจล้วนๆ
ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ประเทศจีนได้ชิงตำแหน่งประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของ
โลกมาจากญี่ปุ่นได้สำเร็จ
และจากการคาดการณ์ก็พอจะสรุปได้ว่าจีนจะแซงหน้าสหรัฐอเมริกาที่ครองตำแหน่ง
เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้ในปี 2020
เพราะฉะนั้นประชาชนในแคว้นสินธุ์ก็อุ่นใจได้เลยว่าพวกเขาจะไม่ได้เรียนภาษา
จีนอย่างเดียวดายแน่นอน
ส่วนในสวีเดน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาก็ได้ประกาศเอาไว้ในเดือนกรกฎาคมว่าโรงเรียน
ประถมศึกษาในสวีเดนจะเปิดคอร์สเรียนภาษาจีนภายในอีกทศวรรษข้างหน้านี้แน่นอน
ส่วนในอเมริกาเอง
จำนวนโรงเรียนทั้งรัฐบาลและเอกชนที่เปิดคอร์สสอนภาษาจีนให้แก่นักเรียนก็มี
เพิ่มขึ้นจาก 300 แห่ง เป็น 1,600 แห่ง ภายในเวลาสิบปี
แสดงให้เห็นว่าทั่วโลกกำลังค่อยๆ เปิดรับความสำคัญของการใช้ภาษาจีน
และเตรียมตัวให้ประชากรในประเทศมีทักษะที่พร้อมใช้ภาษาจีนทันทีที่เศรษฐกิจ
ของจีนนำหน้ายักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาได้ในที่สุด